
ค่าบ่งบอกสภาพความเป็นกรด-ด่าง หรือที่เรารู้จักในในชื่อ ค่า pH
ค่ากรดด่างในดิน เป็นค่าที่มีผลอย่างมากในการปลูกต้นไม้ เกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในดิน และกระทบต่อการกินปุ๋ยของต้นไม้

จากตาราง เราจะเห็นได้ว่า
ถ้าค่าดินเป็นกลาง ต้นไม้จะกินปุ๋ย ทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ได้ดีมาก เมื่อต้นไม้กินปุ๋ยได้มากก็จะแข็งแรงมาก เราในปุ๋ยอะไรไปก็กินหมด
แต่อย่างว่าครับ ที่ดินที่มีดินในอุดมคติแบบนี้ ก็มีไม่มากนักหรอก เพราะที่พบส่วนมาก ไม่เป็นกรด ก็เป็นด่าง จึงเลี่ยงไม่ได้เลยที่เราจำเป็นต้องใส่ธาตุอาหารรองและเสริม เพื่อให้ต้นไม้กินปุ๋ยได้ในดินที่มีค่า pH ไม่เป็นกลาง เช่น
ดูจากตารางเลย ช็อตบวมๆ คือความสามารถในการกินปุ๋ย
ซึ่งธาตุอาหารรองและเสริม ถึงแม้จะไม่ได้เป็นองค์ประกอบหลักในการเติบโตของพืช แต่ธาตุอาหารพวกนี้จะช่วยปรับสภาพดิน และเพิ่มขีดความสามารถในการกินปุ๋ยของต้นไม้ได้ ต้นไม้จะกินปุ๋ยได้มากกว่าเดิม
เมื่อต้นไม้กินปุ๋ยได้มากขึ้น ต้นไม้ก็แข็งแรงขึ้นเองตามธรรมชาติ
ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเลยที่หลายคนเอาแต่ใส่ปุ๋ยที่มีแค่ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แล้วเกิดปัญหาต้นไม่ไม่กินปุ๋ย ก็เพราะขีดความสามารถการกินปุ๋ยของต้นไม้มันเท่าเดิม
แต่สิ่งที่เกิดขึ้น นั่นคือ ทุกครั้งที่ใส่ปุ๋ยโดยเฉพาะปุ๋ยเคมี ก็จะทำให้ดินมีค่า pH ที่ไม่เป็นกลางมากขึ้น จึงทำให้ต้นไม้ลดการกินปุ๋ยลงไปอีก ฉะนั้นการใส่ธาตุอาหารรอง และเสริม จึงเป็นสิ่งสำคัญ และหากใส่ครบ 13 ธาตุ ธาตุอาหารเหล่านั้นจะไปปรับสภาพความที่ธาตุอาหารเกิน (สาเหตุของดินเป็นกรด ดินดาน) ในรูปแบบธรรมชาติเอง
และที่สำคัญการปรับสภาพดินที่เป็นกรดหรือด่าง ให้เป็นกลางอย่างยั่งยืน เราจำเป็นต้องมีตัวช่วยนั่นคือ ตัวจุลินทรีย์ เจ้าตัวจุลินทรีย์จะช่วยปรับสภาพดินโดยธรรมชาติ
แต่น่าเสียดายที่จุลินทรีย์ มักถูกทำลายจากน้ำมือของเราเอง เช่น การใส่ปุ๋ยเคมี การพ่นยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง หรือแม้กระทั่งการเผาที่นาที่ไร่ของเราเอง
ประเทศไทยจึงพบดินเป็นกรด ดินเป็นดานหนักมากขึ้นเรื่อยๆ
ฉะนั้นหากเกิดต้นไม่ไม่กินปุ๋ย แม้เราจะกระหน่ำปุ๋ย ต้นไม้ก็ไม่กินปุ๋ยเหมือนเดิม มันก็เท่านั้นการใส่ปุ๋ยมาก หรือตัวเองสูงๆ จึงไม่ตอบโจทย์นัก
แต่ทางแก้เรื่องนี้ไม่ยากเลย เพียงแค่เราเพิ่มขีดความสามารถในการกินปุ๋ยของต้นไม้ได้ในทุกสถานการณ์ ด้วยการให้ต้นไม้ได้ธาติอาหารรองและธาตุอาหารเสริม 13 ชนิด ก็สามารถทำให้ต้นไม้ของเรากินปุ๋ยได้ดีกว่าเดิม ไม่ว่าจะปลูกในดินสภาพไหนก็ตาม และปรับแก้ด้วยการใส่จุลินทรีย์ ปรับปรุงดิน