
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ทำการเกษตร และอยากจะให้ต้นไม้ที่เราปลูกได้ผลผลิตมากๆ มีคุณภาพดีๆ
ซึ่งหนึ่งในวิธีการที่จะทำให้ผลผลิตการเกษตรของเราได้ผลผลิตดีนั้น บางที่ก็จำเป็นต้องใช้ปุ๋ย เพื่อเสริมธาตุอาหารที่มีอยู่น้อยนิดในดินให้เพิ่มมากขึ้น
เพราะผมเคยลองใส่ปุ๋ยคอกแล้ว มันก็แค่ทำให้ดินดีเท่านั้น ยังไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับต้นไม้เท่าไหร่นัก แต่ที่ได้แน่ๆ นั่นคือ เชื้อโรคที่ติดมาพร้อมกับปุ๋ยคอกนั่นเอง
ดังนั้นถ้าอยากจะได้ผลผลิตที่มากพอจะจุนเจือครอบครัวได้ จึงไม่พ้นต้องหาปุ๋ยสำเร็จรูปเข้าช่วย
อย่างไรก็ตามปุ๋ยสำเร็จรูปก็มีอยู่หลายอย่างเหลือเกิน
เมื่อก่อนผมก็เคยใช้ปุ๋ยเคมีที่หาซื้อได้ตามท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยยูเรีย 16-0-0 หรือสูตรเสมอ หรือสูตรหวาน 0-0-60 ก็ตาม
จนวันหนึ่งผมได้รู้จักกับปุ๋ยในเครือ Join&Coin และได้ลองทดลองใช้
บอกได้เลยว่า ประทับใจสุดๆ ในด้านผลผลิตที่เกิดขึ้น
ผมจึงไม่รอที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว ป่าวประกาศให้ญาติพี่น้อง คนรู้จักได้ลองใช้
จนผมได้พบข้อคำถามของบางคน ถามผมว่า
"ปุ๋ยในเครือ Join&Coin โดยรวมแล้วถูกกว่า หรือแพงกว่า ปุ๋ยเคมีทั่วไป อย่างไร"
เว็ปไซต์นี้ผมจึ้นตั้งใจเปรียบเทียบให้เห็นภาพกันไปเลย แล้วคุณลองวิเคราะห์ดูเองแล้วกันครับว่า
อย่างไหนจะ "คุ้มค่ามากกว่ากัน"

ด้วยธาตุอาหารที่สูง สูง และสูงแข่งกัน ส่วนมากก็จะขายกันกระสอบละ 50 ก.ก.
งั้นเรามาลองผ่าส่วนผสมปุ๋ยเคมีกันดีกว่า
สูตรยูเรีย 46 - 0 - 0
= ปุ๋ยมีส่วนผสมของธาตุอาหารไนโตรเจน 46 ก.ก. ในจำนวนปุ๋ยทั้งหมด 100 ก.ก. อีก 54 ก.ก. คือสารเติมเต็ม (ไม่ใช่เนื้อปุ๋ย)
แสดงว่าปุ๋ย 1 กระสอบ (50 ก.ก.) มีธาตุอาหาร 23 ก.ก. ราคาขาย 600 บาท (ได้ไนโตรเจนเพียง 1 ธาตุ)
สูตรเสมอ 15 - 15 - 15
= ปุ๋ยมีส่วนผสมของธาตุอาหารไนโตรเจน 15 ก.ก. ฟอสฟอรัส 15 ก.ก. โพแทสเซียม 15 ก.ก. รวมเป็น 45 ก.ก. ในจำนวนปุ๋ยทั้งหมด 100 ก.ก. อีก 55 ก.ก. คือสารเติมเต็ม (ไม่ใช่เนื้อปุ๋ย)
แสดงว่าปุ๋ย 1 กระสอบ (50 ก.ก.) มีธาตุอาหาร 22.5 ก.ก. ราคาขาย 800 บาท (ได้ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม 3 ธาตุ ราคา ธาตุละ 267 บาท)
ส่วนสูตรที่เหลือลองคิดคำนวณดูเอาเองนะครับ
ซึ่งเมื่อใส่แล้วจะมีธาตุอาหารสูงมาก แต่ไม่หลากหลาย (ได้เพียง 1 - 3 ธาตุ หรือเต็มที่ คือ 7 ธาตุ)

ปุ๋ยเคมี เกิดจากเคมีสังเคราะห์ เมื่อถูกอากาศและความชื้นสารเคมีจะทำปฏิกิริยาในทันที แล้วดูดซึมเข้าต้นไม้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้เห็นผลเร็วมาก แต่ความที่เป็นเคมีสังเคราะห์ ทำให้ทุกโมเลกุลก็ต่างทำปฏิกิริยากับน้ำ อากาศพร้อมๆ กัน เหมือนพ่อครัวที่มีหลายคนและปรุงอาหารประเภทเดียวกันในคราวเดียว ทำให้วัตถุดิบหมดเร็วมาก ปุ๋ยเคมีจึนมักมีฤทธิ์ได้ประมาณ 7 - 15 วัน เท่านั้นเอง และเป็น 7 วันที่ได้ธาตุอาหารไม่ครบด้วย จึงเกิดอาการบ้าใบ ใบบาง อ่อนแอ แมลงศัตรูพืชนิยมกัดกิน และนำพาเชื้อโรคมาสู่ต้นไม้


- ใน 1 กระสอบ ประกอบด้วยธาตุอาหารครบ 14 ธาตุอาหาร ธาตุอาหารหลัก 3 รอง 3 และเสริม 8
- สกัดธาตุอาหารให้เป็นเคมีจากธรรมชาติ ด้วยการสกัดอินทรีย์วัตถุที่มีการหมักบ่มจนเข้าที่ จนมีค่า OM ที่สูงและเข้มข้น สามารถปลดปล่อยธาตุอาหารได้สูงโดยไม่ต้องใส่เคมีสังเคราะห์เลย ในทางกฎหมายและทางทะเบียปุ๋ย จึงเรียกปุ๋ยเหล่านี้ว่า "ปุ๋ยอินทรีย์เคมี" คือ ปุ๋ยมีที่เคมีที่สกัดมาจากอินทรีย์วัตถุจากธรรมชาติ
- กระสอบละ 25 ก.ก. เป็นเนื้อปุ๋ยล้วนๆ ไม่มีส่วนเติมเต็ม
- นอกจากมีธาตุอาหารแล้วยังมีส่วนผสมของอินทรีย์วัตถุ ช่วยปรับดิน มีสปอร์จุลินทรีย์ช่วยย่อยดินและอินทรีย์วัตถุและฆ่าเชื้อโรค ทำให้ปุ๋ยนั้นมีการปลดปล่อยธาตุอาหารแบบ 2 รอบ คือ รอบที่ 1 ช่วงใส่ปุ๋ย ธาตุอาหารก็ทำงานทันที และรอบที่ 2 คือ อีก 7 วัน อินทรีย์วัตถุในปุ๋ยและในดินถูกจุลินทรีย์ย่อยกลายเป็นธาตุอาหารให้ต้นไม้ หว่านครั้งเดียวเหมือนใส่ปุ๋ยถึง 2 รอบ
- 2-3 กระสอบ คลุมพื้นที่ได้ 1 ไร่
- ดินดี ต้นไม่แข็งแรง ไม่ต้องเสียค่า ปรับดิน ไล่แมลง แก้เชื้อโรค ปีหนึ่งใส่ปุ๋ย 1-2 ครั้ง ออกฤทธิ์ได้ 6 เดือน - 8 เดือน

หากไม่เชื่ออยากทดลอง ลองเปรียบเทียบผลลัพธุ์โดยแบ่งเป็นแปลงทดลองแล้วเปรียบเทียบใน 1 ฤดูกาลดู





