ปุ๋ยคอก ใช้ผิดชีวิตเปลี่ยน

ปุ๋ยคอก นับเป็นปุ๋ยบริสุทธิ์จากธรรมชาติ ที่สามารถช่วยเกษตรกรในการทำการเกษตรได้
เพราะนับเป็นอินทรีย์วัตถุชั้นดี ซึ่งอินทรีย์วัตถุนี้จะส่วนอย่างมากที่จะ
1. เป็นอาหารให้จุลินทรีย์ในดิน ซึ่งจุลินทรีย์จะทำการย่อยปุ๋ยคอกให้กลายเป็นธาตุอาหาร แถมจุลินทรีย์พวกนี้ก็จะช่วยย่อยดินด้วย (เพราะดินก็มีอินทรีย์วัตถุ)
2. ช่วยปรับดิน ดินเหนียวก็จะถูกจุลินทรีย์ย่อยให้ร่วน ส่วนดินทราย อินทรีย์วัตถุก็จะช่วยไปจับดินที่หยาบให้ควบแน่นขึ้น

จะเห็นได้ว่า ปุ๋ยคอก เป็นปุ๋ยที่ทำหน้าที่ปรับสภาพดี จึงไม่แปลกหรอกครับถ้าเราใส่ปุ๋ยคอกแล้วจะไม่เห็นว่าต้นไม้งามขึ้น เพราะกว่าปุ๋ยคอกจะถูกย่อยให้เป็นธาตุอาหารของต้นไม้ มันต้องใช้เวลา ไม่ใช่ใส่ปุ๊บ เขียวปั๊บซะเมื่อไหร่หละ

แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ปุ๋ยคอกที่ผิดวิธี ก็เป็นภัยต่อเกษตรกรรมอันใหญ่หลวงมาก เพราะปุ๋ยคอก อุดมไปด้วย เชื้อโรคมหาศาล ทำให้ต้นไม้อาจติดโรคได้ง่าย
ยกตัวอย่างเชื้อโรคที่มันพบบ่อยๆ เช่น
– ไฟทอปเทอร่า อีโบล่า – รากเน่า โคนเน่า
– พิเทียม – โรคเน่าคอดิน
– โรซอกโทเนีย – โรคเน่าข้อดิน
– คอเรสเทอทิกัม – ผลแตก เปื่อยเน่า ยางไหล ตายนึ่ง แตก
– ฟิวซาเลียม – ใบจุด ใบด่าง ใบสาหร่าย (มาจากปุ๋ยคอก)
– แอนแทกโนต – ราในต้นพริก

แถมยังมีกรด แก๊ส สูง ใส่ไปทำร้ายรากอ่อน และขนรากให้ฝ่อตายได้

ดังนั้นหากจะใช้ปุ๋ยคอก ต้องคิดดีๆ และจะใช้ปุ๋ยใหม่ไม่ได้ แม้ปุ๋ยนั้นจะถูกตากแดดจนแห้งก็ตาม เพราะเมื่อถูกน้ำ ปุ๋ยแห้งๆ ก็ฟูขึ้นเหมือนเดิม

หากจะใช้ปุ๋ยคอก คุณจะต้องใช้ปุ๋ยคอกที่มีการหมักไม่น้อยกว่า 1 ปี จนเกิดค่า OM ฮิวมิค ไม่มีแก๊ส เชื้อโรคหายไปแล้ว
โดยเช็คได้ด้วยการสอดมือเข้าในกองปุ๋ยคอกแล้วไม่ร้อนระอุ และมีกลิ่นหอมเหมือนเห็ด
มันจึงจะเป็นปุ๋ยคอกดี ที่สามารถใช้กับต้นไม้ได้ และสามารถใช้เพื่อปรับโครงสร้างดิน เท่านั้น